วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เรียงความ ชุมชนแห่งความพอเพียง

ชุมชนแห่งความพอเพียง
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีระบบภูมิคุ้มกันในตนเอง ซึ่งเกิดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน โดยจะต้องอาศัยความรอบรู้ และความรอบคอบ และความระมัดระวัง สิ่งเหล่านี้คืออะไร หลายๆท่า น คงพอที่จะนึกออก ใช่แล้วครับสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการดำรงชีวิตและข้อปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ไปจนถึงระดับประเทศ เพื่อการพัฒนาประเทศและระบบเศรษฐกิจให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์
การปฏิบัติตนตามแนวพระราชดำรัสหรือดำเนินวิถีชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ควรดำเนินชีวิตโดยทางสายกลาง คือยึดความประหยัด มีน้อยควรใช้แต่น้อย ใช้จ่ายด้วยความระมัดระวัง ลดละความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีวิตอย่างจริงจัง ดังพระราชดำรัสว่า “ ความเป็นอยู่ ที่ไม่ฟุ้งเฟ้อต้องประหยัดในทางที่ถูกต้องและความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบและการหาเลี่ยงชีพของตนเองเป็นหลักสำคัญ....”
การยึดถือ การประกอบอาชีพด้วยความสุจริต การละเลิก การแก่งแย่งผลประโยชน์ในทาง
เศรษฐกิจ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราจะดำเนินตามแนวพระราชดำรัสของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรที่จะหยุดนิ่งที่จะหาแนวทางทำให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ต้องขวนขวายหาความรู้ ให้ก้าวทันโลก ทันเหตุการณ์ เพื่อสร้างตนเองให้มีความมั่นคง มีความก้าวหน้าและมีความสุข
ที่สำคัญ ทุกคนควรปฏิบัติตนโดยการ ลด ละ สิ่งยั่วกิเลสให้หมดสิ้นไป ซึ่งต้องพยายามไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่องทำลายตัว ทำลายผู้อื่น สร้างความดีให้เกิดแก่ตนเองอยู่เสมอ หมั่นรักษา และเพิ่มพูนความดีที่มีอยู่นั้นให้งอกงามและต้องรู้จักคำว่า พอ สร้างความพอดีให้กับตนเองแล้วจะพบกับความสุข
หลักการขั้นต้นนี้ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ การปฏิบัติตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้นต้องเริ่มจากตนเองก่อน ใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิต ไม่ยึดวัตถุเป็นที่ตั้ง รู้รักสามัคคี ใช้สติปัญญาปกป้องตนเอง ไม่ให้หลงกระแสสิ่งยั่วยุ โดยไม่รู้ถึงเหตุและผล รู้จักแยกแยะสิ่งดี สิ่งไม่ดี ตามสภาพความเป็นจริงขงสังคมไทย ถ้าทุกคนปฏิบัติได้ดังนี้ สังคมไทยก็จะน่าอยู่ และหากทุกคนมีความเมตตาบวกกับพลังความสามัคคี ร่วมกันขจัดข้อขัดแย้ง นำไปสู้ความประนีประนอม รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้งจะทำให้ชาติไทยคืนสู่ความเป็นไทยและอยู่อย่างร่วมเย็น
นับได้ว่านั่นคือความโชคดีของปวงชนชาวไทยที่มีพ่อของแผ่นดิน ที่ทรงมีพระอัฉริยะภาพ และพระปรีชาสามารถ ท่านทรงนำประสบการณ์จากการทรงงานหลักมากว่า ครึ่งศตวรรษ เพื่อมาวิเคราะห์ คิดค้น และดัดแปลง เป็นแนวทางขจัดปัญหาต่างๆ ให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยยึดหลักความเรียนง่ายที่มุ่งเน้นความสมเหตุสมผล สามารถแก้ปัญหาได้จริง เพื่อเป็นการสนองพระราชดำริและการช่วยเหลือประเทศชาติ เราทุกคน ควรดำเนินชีวิต ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยเท้าพ่อ เพื่อแผ่นดินไทยกลับมาสู่ความร่วมเย็นและความเป็นไทยแท้อย่างสมบูรณ์